มะรุม |
ในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์กล่าวไว้ว่า
มะรุมเป็นพืชที่สามารถรักษาโรคได้ดี ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง
โรคลำไส้อักเสบ โรคปอดอักเสบ ฆ่าจุลินทรีย์ หรือเป็นยาปฏิชีวนะ และแต่ละส่วนของต้นมะรุมยังมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถใช้เป็นยาได้
ไม่ว่าจะเป็น
- รากมะรุม มีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ
- เปลือกจากลำต้นของมะรุม มีรสร้อน นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรค ปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ช่วยทำให้ผายลมหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ (ตัดต้นลมดีมาก) แพทย์ตามชนบท จะแนะนำให้ใช้เปลือกมะรุมสด ๆ ตำบุบพอแตก ๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมา
- กระพี้ต้นมะรุม แก้ไข้สันนิบาดเพื่อลม
- ใบมะรุม ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การนำใบมะรุมมาประกอบอาหาร เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูง ราคาถูกให้กับอาหารแบบพื้น ๆ บ้านได้ดีมาก
- ดอกของมะรุม ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย
- ฝักมะรุม รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้
- เมล็ดมะรุม นำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันสามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊าท์ รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา
- เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี การรับประทานเนื้อในเมล็ด เป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้
- นอกจากนี้กากของเมล็ดมะรุม ที่เหลือจากการทำน้ำมัน สามารถนำมาใช้ในการกรอง หรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้ กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถนำมาทำปุ๋ยต่อได้อีกด้วย
- ในต่างประเทศมีการค้นคว้า และวิจัยอย่างกว้างขวางที่จะนำพืชชนิดนี้มาใช้รักษาความเจ็บป่วยของมนุษย์ เนื่องจากมะรุมเป็นพืชที่มีธาตุอาหารปริมาณสูงมาก นั่นคือ
- มีวิตามินเอ บำรุงสายตามากกว่าแครอท 3 เท่า
- มีวิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
- มีแคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
- มีโพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
- มีใยอาหารและพลังงานไม่สูงมาก เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
นอกจากนี้น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุมมีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น